" ชีวิตอันแสนวิเศษ " ตราบใดที่ยังมีลมหายใจจงใช้ชีวิตอันแสนวิเศษให้คุ้มค่ากับการเกิดมาเป็นมนุษย์

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วลีเด็ด "สวดยอด"กับเอกลักษณ์ประจำตัวที่เปลี่ยนชีวิตคน

       "สวดยอด" ถ้าคนไม่ตามกระแสก็คงจะไม่รู้ว่าคำนี้แปลว่าอะไร แต่สำหรับผมซึ่งเป็นผู้ชื่นชอบการดูตลกตั้งแต่เด็กจนถึงบัดนี้ พอฟังแล้วก็รู้ได้ทันทีเลยว่า มันคือคำว่า "สุดยอด" นั่นเอง แต่เป็นการออกเสียงโดยใช้สำเนียงของคนเชื้อสายจีนที่พูดไทยไม่ชัด มันก็เลยเพี๊ยนเป็น "สวดยอด" คนที่พูดประโยคนี้จนฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง เป็นตลกชื่อ "แอนนา ชวนชื่น" เอกลักษณ์ประจำตัวของเขาคือการพูดเหมือนคนจีนที่พูดภาษาไทยไม่ชัด ผมจึงได้กลับไปดูคลิปการแสดงเก่าๆของตลกคนนี้ ก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้ เมื่อก่อนเขาเล่นตลกตามคาเฟ่ต์ อยู่กับคณะจตุรงค์ ม๊กจ๊ก ( ก่อนหน้านั้นเขาก็เล่นตลกอยู่แล้วกับคณะอื่น ) การแสดงของเขาเมื่อสมัยที่เล่นคาเฟ่ต์ ไม่ได้มี
แอนนา ชวนชื่น
ความโดดเด่นอะไรเลย และที่สำคัญเขาไม่ได้พูดเหมือนคนจีนที่พูดภาษาไทยไม่ชัดเหมือนเช่นปัจจุบัน เขาเป็นเพียงตัวประกอบหนึ่งในคณะของ จตุรงค์ ม๊กจ๊ก หรืออาจจะกล่าวได้ว่าไม่ใช่ผู้แสดงหลักที่เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม เป็นเพียงผู้สนับสนุนมุขตลกให้กับคนที่เล่นเก่งๆอย่าง จตุรงค์ ม๊กจ๊ก หรือบางครั้งก็เป็นคนปูมุขตลก ( การพูดหรือการเล่าเรื่องเพื่อจะเข้าสู่มุขตลก ) ชีวิตในตอนนั้นของเขาลุ่มๆดอนๆ มีรายได้หลักจากการเล่นตลกคาเฟ่ต์ พอมาถึงยุคที่คาเฟ่ต์ไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อน เขาต้องหารายได้โดยการไปเปิดท้ายขายของ และลองขายก๋วยเตี๋ยวไก่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ดูเหมือนว่าเส้นทางนักแสดงตลกของเขาคงจะยุติเพียงเท่านี้ แต่แล้ววันนึงก็เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตขึ้นมา เมื่อ จิ้ม ชวนชื่น ชักชวนเขาให้ไปอยู่คณะด้วย และมีโอกาสได้เล่นภาพยนต์เรื่องหนึ่ง ซึ่งเขาแสดงเป็นคนจีนที่พูดภาษาไทยไม่ชัด ตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าเขาจะแสดงอะไร เขาก็จะรับบทเป็นคนจีนที่พูดไทยไม่ชัดจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว และมีอยู่วลีหนึ่งที่คนชอบเอามาพูดเลียนแบบก็คือคำว่า "สวดยอด" ซึ่งฮิตติดปากไปทั่วบ้านทั่วเมือง จากตลกที่เกือบจะยุติเส้นทางการเป็นนักแสดงตลก ปัจจุบันเขามีงานแสดงทั้งภาพยนต์และละครซิทคอมอย่างต่อเนื่อง เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศในวัยเกือบจะ 60 ปี เรียกว่าดังตอนแก่ได้ก็เพราะเอกลักษณ์ประจำตัว ผมคิดว่าถ้าเขาไม่พูดสำเนียงคนจีนที่พูดภาษาไทยไม่ชัด ตอนนี้เขาก็คงจะเป็นแค่ตลกตัวประกอบธรรมดาๆ ที่ไม่มีคนรู้จักมาก จะสังเกตได้ว่าตลกที่มีชื่อเสียงดังๆส่วนใหญ่จะมีเอกลักษณ์ประจำตัวที่คนสามารถจดจำได้ เช่น ถ้าเล่นตลกเป็นกะเทยก็ต้องนึกถึง จตุรงค์ ม๊กจ๊ก ถ้าเล่นตลกเกี่ยวกับกลอน ลำตัด การแสดงพื้นบ้านก็ต้องนึกถึง โย่ง เชิญยิ้ม ถ้าเล่นตลกแบบเล่าเรื่องและใช้ไหวพริบก็ต้องนึกถึง โน็ต เชิญยิ้ม หรือ โน้ส อุดม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีตลกอีกประเภทหนึ่งที่ใช้ปมด้อยของตัวเองเป็นจุดขาย เช่น อ่าง เถิดเทิง ( เป็นโปลิโอแต่กำเนิด ) น้องทราย คุณแม่ขอร้อง ( หลังค่อมเพราะตกบันได ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว ) ปุ๊กกี้ ( ตัวเตี้ย ฟันเหยิน ) เป็นต้น ถึงแม้จะมีปมด้อยทางด้านร่างกายแต่พวกเขากลับใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้ ด้วยการสร้างปมด้อยให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของตนเองจนมีคนรู้จักไปทั้งประเทศ
อ่าง เถิดเทิง
        ถ้าลองนึกถึงเพื่อนในสมัยเรียนประถมหรือมัธยม ผมจะจำได้เพียงไม่กี่คนจากเพื่อนร่วมชั้นทั้งห้อง และเพื่อนๆที่ผมจำได้ส่วนใหญ่จะมีเอกลักษณ์ประจำตัว อย่างเช่น สมัยประถมผมมีเพื่อนอยู่คนนึง ชื่อจริงว่า ชัยพฤกษ์ ส่วนชื่อเล่นผมจำไม่ได้แล้ว แต่ถ้าบอกว่า "ไอ้ยี่"
เพื่อนร่วมชั้นจะรู้เลยว่าเป็นใคร "ไอ้ยี่" เป็นฉายาที่เพื่อนๆตั้งให้ ชัยพฤกษ์ คำว่า "ยี่" ภาษาเหนือแปลว่า ฟันเหยิน ตอนที่กำลังเขียนบทความนี้ผมนึกหน้าของ "ไอ้ยี่" ออกทันที แม้เวลาจะผ่านมากว่า 20 ปีได้ และมีเพื่อนอีกคนนึงเขามีรูปร่างผอม รูปหน้าเรียวยาว ผิวขาวซีด ผมได้ตั้งฉายาให้เขาว่า "ไอ้จั๊กกิ้ม" คำว่า "จั๊กกิ้ม" ในภาษาเหนือแปลว่า จิ้งจก ถ้าพูดว่า "ไอ้จั๊กกิ้ม" มันก็จะวิ่งไล่มาเตะก้นผม เพราะความที่ไม่อยากเป็นจิ้งจก เพื่อนร่วมชั้นและเด็กห้องเรียนอื่นๆได้ยินผมเรียกเช่นนั้นจนเป็นที่จดจำกันทั้งโรงเรียน ผมเชื่อว่าถ้ามีงานเลี้ยงรุ่นเพื่อนสมัยประถม เมื่อเอ่ยถึงฉายาของเพื่อนร่วมชั้น ทุกคนน่าจะจดจำได้ดีว่าเขามีลักษณะเช่นไรในอดีต แต่เพื่อนคนที่ไม่มีเอกลักษณ์ประจำตัวอะไรโดดเด่น อาจจะนึกไม่ออกต้องไต่ถามกันถึงจะค่อยๆจำได้ จะเห็นได้ว่าการมีเอกลักษณ์ประจำตัวจะทำให้เป็นที่จดจำแก่คนได้ง่ายและยังทำให้เป็นที่จดจำไปได้นานอีกด้วย บุคคลสาธารณะ เช่น นักแสดง นักการเมือง นักร้อง ที่มีเอกลักษณ์ประจำตัวก็จะเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง

"ลองสังเกตเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนร่วมชั้นของท่านดู ใครที่ท่านคิดว่ามีเอกลักษณ์ประจำตัว หรือ ลองนึกถึงเพื่อนสมัยเรียนท่านจำใครได้บ้าง แล้วเขามีลักษณะยังไง"

1 ความคิดเห็น:

  1. เจ้าของบล็อก21 มิถุนายน 2554 เวลา 15:09

    ต่อไปจะเขียนเนื้อหาที่มันตรงกับคอนเซปของเวบบล็อก คือ Life is Wonderful ซึ่งก็คือการเขียนที่มีเป้าหมายเพื่อให้เห็นคุณค่าของการมีชีวิตหรือการใช้ชีวิต ซึ่งจะมีทั้งการสร้างแรงบับดาลใจ ให้กำลังใจ

    ตอบลบ

ติชมได้เลยครับยินดีรับฟังทุกความคิดเห็น
สำหรับคนที่ไม่มี ID ของ Gmail หรือ บล็อกของค่ายอื่นๆ
เลือกโปรไฟล์... > (ไม่ระบุชื่อ) หรือ (ชื่อ/URL) ตรง URL ไม่ใส่ก็ได้